Skip to main content

Hitachi

ประกาศ ณ วันที่ 1 มิถุนายน 2565

เรียน ลูกค้าผู้มีอุปการคุณ

บริษัท ฮิตาชิ แชนแนล โซลูชั่นส์ (ประเทศไทย) จำกัด ( ”บริษัทฯ” หรือ “เรา”) ให้ความสำคัญกับความเป็นส่วนตัว และมุ่งมั่นที่จะคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน หรือข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลที่มีความเกี่ยวข้องกับธุรกิจของท่าน (“ข้อมูลส่วนบุคคล”) ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 (“พ.ร.บ.ฯ”) ดังนั้น เราจึงจัดเตรียม และเผยแพร่ประกาศความเป็นส่วนตัวนี้แก่ท่าน เพื่อแจ้งให้ท่านทราบถึงการเก็บรวบรวม การใช้ และ/หรือการเปิดเผย (เรียกรวมกันว่า “การประมวลผล”) ข้อมูลส่วนบุคคลที่อยู่ในความครอบครองของเรา

ประกาศความเป็นส่วนตัวฉบับนี้อธิบายถึงรายละเอียดดังต่อไปนี้

  • ข้อมูลส่วนบุคคลประเภทใดบ้างที่บริษัทฯ เก็บรวบรวม โดยที่ข้อมูลดังกล่าวรวมถึงข้อมูลที่ท่านมอบให้แก่บริษัทฯ เกี่ยวกับตัวท่านเอง หรือบุคคลที่มีความเกี่ยวข้องกับธุรกิจของท่าน (“ท่าน”) และข้อมูลที่บริษัทฯ รับทราบจากการที่ท่านเป็นลูกค้าของบริษัทฯ
  • บริษัทฯ ใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านอย่างไร
  • บริษัทฯ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านแก่บุคคลใดบ้าง
  • บริษัทฯ จัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของท่าอย่างไร
  • ทางเลือกที่บริษัทฯ นำเสนอให้แก่ท่าน
  • สิทธิที่ท่านมีต่อข้อมูลส่วนบุคคลของท่านได้แก่อะไรบ้าง และพ.ร.บ.ฯ คุ้มครองท่านอย่างไร

1. ข้อมูลส่วนบุคคลประเภทใดบ้างที่บริษัทฯ เก็บรวบรวม

บริษัทฯ จะเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเท่าที่จำเป็น และตามเหตุผลที่เหมาะสม บริษัทฯ อาจะเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลหลากหลายประเภท โดยประเภทของข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทฯ เก็บรวบรวมนั้นขึ้นอยู่กับแต่ละสถานการณ์ และลักษณะของสินค้า และ/หรือ บริการ ที่ท่านร้องขอ

บริษัทฯ อาจเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจากแหล่งข้อมูลที่หลากหลาย รวมถึง แต่ไม่จำกัดเพียงแหล่งข้อมูลดังต่อไปนี้

  • เมื่อท่านซื้อสินค้า และ/หรือ ขอรับบริการจากบริษัทฯ
  • เมื่อท่านให้เอกสารยืนยันตัวตนแก่บริษัทฯ (เช่น บัตรประชาชน หนังสือเดินทาง ฯลฯ)
  • ข้อมูลที่บริษัทฯ ได้รับ หรืออาจได้รับเมื่อท่านเข้าสู่ระบบ เว็บไซต์ หรือช่องทางออนไลน์ต่าง ๆ ของบริษัท
  • เมื่อท่านสื่อสารกับบริษัทฯ (เช่น โทรศัพท์ วิดีโอคอล ฯลฯ)
  • เมื่อท่านกรอกข้อมูลในแบบสำรวจความเห็น และ/หรือร้องเรียนเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ และ/หรือบริการของบริษัทฯ
  • เมื่อท่านทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านปรากฏแก่สาธารณะอย่างชัดแจ้ง รวมถึงการเปิดเผยข้อมูลผ่านทาง สื่อสังคม (Social Media) ในกรณีดังกล่าว บริษัทฯ จะเลือกเก็บรวบรวมเฉพาะข้อมูลที่ท่านเลือกให้ปรากฏต่อสาธารณะเท่านั้น

ในบางกรณี บริษัทฯ อาจเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจากบุคคลภายนอก เช่น คู่ค้า พันธมิตรทางธุรกิจ ธนาคาร เว็บไซต์ หรือช่องทางออนไลน์อื่นๆ เป็นต้น

ประเภทของข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่บริษัทฯ อาจเก็บรวบรวมภายใต้กฎหมายที่เกี่ยวข้อง รวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียงข้อมูลส่วนบุคคลดังต่อไปนี้

  • ข้อมูลส่วนตัว: ชื่อ นามสกุล เพศ วันเดือนปีเกิด หมายเลขบัตรประจำตัวประชาชน หมายเลขหนังสือเดินทาง หมายเลขอื่น ๆ ที่ราชการออกให้ รวมถึงข้อมูลส่วนบุคคลที่ปรากฏอยู่บนเอกสารที่รัฐออกให้ เอกสารสำคัญของนิติบุคคลที่ออกให้โดยราชการ (กรณีเป็นนิติบุคคล) หมายเลขประจำตัวผู้เสียภาษี สัญชาติ ภาพบนบัตรประจำตัวประชาชน หนังสือเดินทาง ใบอนุญาตขับขี่ ลายมือชื่อ รูปภาพ ภาพหรือบันทีกจากกล้องวงจรปิด (CCTV) น้ำหนัก และส่วนสูง
  • ข้อมูลการติดต่อ: ที่อยู่ ตำแหน่งที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ อีเมล์ และรายละเอียด สื่อสังคม (Social Media)
  • ข้อมูลทางการเงิน: ข้อมูลบัญชีธนาคาร ที่อยู่สำหรับเรียกเก็บเงิน เลขที่บัตรเครดิต และชื่อผู้ถือบัตร และรายละเอียดของบัตรเครดิต
  • ข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์: ที่อยู่ IP คุกกี้ บันทึกกิจกรรม ข้อมูลระบุตัวตน เลขประจำเครื่องมือสื่อสาร และข้อมูลตำแหน่งทางภูมิศาสตร์
  • ข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความละเอียดอ่อน: ศาสนา และเชื้อชาติ

ในกรณีที่ท่านมีความจำเป็นต้องให้ข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลที่สามแก่บริษัทฯ ท่านตกลงที่จะแจ้งให้บุคคลที่สามดังกล่าวทราบว่าบริษัทฯ อาจประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลดังกล่าว และแจ้งเนื้อหาของประกาศความเป็นส่วนตัวนี้ให้แก่บุคคลที่สามดังกล่าว ท่านตกลง และยืนยันว่าท่านจะปฏิบัติตามข้อกำหนดทั้งหมดภายใต้พ.ร.บ.ฯ ซึ่งรวมถึงหน้าที่ในการขอความยินยอมก่อน หรือขณะที่เก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลที่สามตามแบบฟอร์ม และเนื้อหาที่บริษัทฯ กำหนด

2. บริษัทฯ ใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านอย่างไร

บริษัทฯ จะใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเฉพาะเท่าที่จำเป็น และในกรณีที่บริษัทฯ มีเหตุผลที่เหมาะสมในการดำเนินการเช่นว่านั้น บริษัทฯ จะใช้ฐานทางกฎหมายอย่างน้อยหนึ่งฐานต่อไปนี้ในการประมวลผล ข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน

  • ฐานสัญญา - เมื่อบริษัทฯ จำเป็นต้องประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเพื่อที่จะปฏิบัติตามตามสัญญาที่บริษัทฯ กับท่าน หรือเพื่อดำเนินการตามคำขอของท่านก่อนที่บริษัทฯ จะเข้าทำสัญญากับท่าน
  • ฐานหน้าที่ตามกฎหมาย - เมื่อบริษัทฯ มีความจำเป็นต้องประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเพื่อปฏิบัติตามกฎหมาย หรือภาระข้อผูกพันตามกฎหมาย
  • ฐานประโยชน์อันชอบธรรม - เมื่อเป็นประโยชน์อันชอบธรรมของบริษัทฯ ที่จะประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเพื่อประโยชน์ของบริษัทฯ ตามที่พ.ร.บ.ฯ อนุญาต ตราบเท่าที่ประโยชน์ และสิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐานของท่านนั้นไม่เหนือไปกว่าประโยชน์ของบริษัทฯ
  • ฐานความยินยอม - เมื่อท่านให้ความยินยอมแก่บริษัทฯ ในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเพื่อวัตถุประสงค์ใดวัตถุประสงค์หนึ่งโดยเฉพาะ

พ.ร.บ.ฯ และกฎหมายอื่นๆ ได้ให้ความคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความละเอียดอ่อนอย่างเคร่งครัดเพิ่มมากขึ้น บริษัทฯ จะไม่ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลประเภทนี้ของท่านโดยไม่ได้รับความยินยอมจากท่าน เว้นแต่พ.ร.บ.ฯ อนุญาตให้บริษัทฯ ทำเช่นนั้นได้

วัตถุประสงค์ที่บริษัทฯ อาจประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านภายใต้กฎหมายที่เกี่ยวข้อง และฐานทางกฎหมายซึ่งบริษัทฯ อาศัยเพื่อประมวลผลข้อมูลดังกล่าว ได้แก่

  วัตถุประสงค์ของการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล ฐานในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล
สินค้า และบริการ
  • เพื่อจัดทำ และเข้าทำสัญญาซื้อขายกับท่าน (รวมถึงสัญญา และเอกสารที่เกี่ยวข้อง เช่น สัญญาค้ำประกัน)
  • เพื่อยืนยันตัวตนของท่าน
  • เพื่อรับคำสั่งซื้อสินค้า และ/หรือบริการของบริษัทฯ จากท่าน
  • เพื่อส่งมอบสินค้า และ/หรือ เพื่อการให้บริการของบริษัทฯ แก่ท่าน
  • เพื่อให้บริการหลังการขายแก่ท่าน ซึ่งรวมถึงการติดตั้ง เปิดใช้งาน และบริการบำรุงรักษา
  • เพื่อแก้ไขปัญหาที่เกี่ยวข้องกับสินค้า และบริการที่มีอยู่
  • เพื่อรับ และบริหารจัดการการชำระเงินของท่าน รวมถึงดอกเบี้ยที่ครบกำหนด
  • • บริษัทฯ อาจจำเป็นต้องจัดเก็บข้อมูลบัตรประจำตัวประชาชน หรือหนังสือเดินทางของท่าน ซึ่งอาจมีข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความละเอียดอ่อนรวมอยู่ด้วย (เช่น ศาสนา และเชื้อชาติ) เพื่อวัตถุประสงค์เหล่านี้
  • ฐานสัญญา
  • ฐานความยินยอม
การดูแลลูกค้า
  • เพื่อลงทะเบียนท่านเป็นลูกค้า และเพื่อจัดเตรียม หรือปรับปรุงฐานข้อมูล และช่องทางการติดต่อของลูกค้า
  • เพื่อสื่อสารกับท่านเกี่ยวกับสินค้า และ/หรือ บริการของบริษัทฯ
  • เพื่อตอบข้อร้องเรียน และหาแนวทางในการเยียวยาเกี่ยวกับสินค้า หรือบริการของเรา
  • เพื่อปฏิบัติตามคำร้องขอตามสิทธิที่ท่านมีต่อข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่อยู่ในความครอบครองของบริษัทฯ
  • เพื่อบริหารความสัมพันธ์ระหว่างบริษัทฯ และท่าน หรือธุรกิจของท่าน
  • บริษัทฯ อาจจำเป็นต้องจัดเก็บข้อมูลบัตรประจำตัวประชาชน หรือหนังสือเดินทางของท่าน ซึ่งอาจมีข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความละเอียดอ่อนรวมอยู่ด้วย (เช่น ศาสนา และเชื้อชาติ) เพื่อวัตถุประสงค์เหล่านี้
  • ฐานสัญญา
  • ฐานหน้าที่ตามกฎหมาย
  • ฐานความยินยอม
  • ฐานประโยชน์อันชอบธรรม
การดำเนินธุรกิจ และพัฒนาธุรกิจ
  • เพื่อระบุถึงประเด็นปัญหาที่เกี่ยวข้องกับสินค้า และบริการที่มีอยู่
  • เพื่อวางแผนการพัฒนาสินค้า และบริการที่มีอยู่
  • เพื่อทดสอบ วิเคราะห์ และพัฒนาสินค้า และบริการใหม่ ๆ
  • เพื่อพัฒนาแนวทางใหม่ ๆ ในการตอบสนองความต้องการของท่าน และพัฒนาธุรกิจของบริษัทฯ
  • ฐานประโยชน์อันชอบธรรม
การบริหารจัดการความปลอดภัย และความเสี่ยง
  • เพื่อป้องกันอาชญากรรม และบริหารจัดการความปลอดภัยของเครื่องเอทีเอ็มของบริษัทฯ เช่น บริษัทฯ อาจติดตั้งกล้องวงจรปิด (CCTV) ภายในเครื่องเอทีเอ็มของบริษัทฯ ซึ่งอาจมีการเก็บภาพ หรือภาพเคลื่อนไหวของท่าน
  • เพื่อบริหารความเสี่ยงของท่าน และของบริษัทฯ
  • เพื่อตรวจสอบ และจัดทำรายงานการตรวจสอบภายใน
  • เพื่อสืบหา ตรวจสอบ รายงาน และแสวงหาแนวทางในการป้องกันอาชญากรรมทางการเงิน
  • เพื่อปฏิบัติตามกฎหมาย และกฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง
  • เพื่อจัดทำรายงานตามกฎหมาย ดำเนินคดี ใช้ หรือป้องกันสิทธิทางกฎหมาย และผลประโยชน์ใด ๆ ของท่าน/บริษัทฯ (รวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียง การทวงหนี้ และ/หรือการดำเนินคดีอันเนื่องมาจากการละเมิดสัญญา)
  • บริษัทฯ อาจจำเป็นต้องจัดเก็บข้อมูลบัตรประจำตัวประชาชน หรือหนังสือเดินทางของท่าน ซึ่งอาจมีข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความละเอียดอ่อนรวมอยู่ด้วย (เช่น ศาสนา และเชื้อชาติ) เพื่อวัตถุประสงค์เหล่านี้
  • ฐานประโยชน์อันชอบธรรม
  • ฐานหน้าที่ตามกฎหมาย
  • ฐานความยินยอม

เว้นแต่ที่ได้กำหนดไว้ในประกาศความเป็นส่วนตัวฉบับนี้ บริษัทฯ จะไม่ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเพื่อวัตถุประสงค์อื่นอกเหนือจากวัตถุประสงค์ตามที่ระบุไว้ในประกาศความเป็นส่วนตัวนี้ โดยหากบริษัทฯ มีความจำเป็นต้องประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเพื่อวัตถุประสงค์อื่นใด บริษัทฯ จะแจ้งให้ท่านทราบก่อนการประมวลผลนั้นๆ

กรณีที่ท่านปฏิเสธการให้ข้อมูลส่วนบุคคลแก่บริษัทฯ

ในกรณีที่บริษัทฯ จำเป็นต้องเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านตามพ.ร.บ.ฯ หรือภายใต้ข้อกำหนดในสัญญาระหว่างบริษัทฯ และท่าน และท่านไม่ให้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านแก่บริษัทฯ บริษัทฯ อาจไม่สามารถปฏิบัติตามภาระข้อผูกพันที่บริษัทฯ มีต่อท่าน หรือตามที่บริษัทฯ วางแผนว่าจะเข้าทำสัญญากับท่าน ในกรณีดังกล่าว บริษัทฯ อาจปฏิเสธที่จะขายสินค้า และ/หรือ ให้บริการกับท่าน

3. บริษัทฯ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านแก่บุคคลใดบ้าง

บริษัทฯ อาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้กับบุคคลอื่นในกรณีที่จำเป็น และเมื่อบริษัทฯ มีเหตุผลสมควรที่จะประมวลผลเช่นนั้น รวมถึงในกรณีดังต่อไปนี้

  • มีความจำเป็นต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดของสัญญา
  • บริษัทฯ มีหน้าที่ตามกฎหมายในการกระทำการดังกล่าว (เช่น การหักภาษี ณ ที่จ่าย ฯลฯ)
  • บริษัทฯ มีความจำเป็นต้องรายงานตามกฎหมาย ดำเนินคดี ใช้สิทธิตามกฎหมาย หรือปกป้องสิทธิตามกฎหมาย
  • บริษัทฯ มีสิทธิอันชอบด้วยกฎหมายในการกระทำเพื่อประโยชน์ของธุรกิจ (เช่น เพื่อบริหารความเสี่ยง เพื่อการรายงานภายในองค์กร เพื่อวิเคราะห์ข้อมูล เพื่อยืนยันตัวตน เพื่อให้บริษัทอื่นสามารถให้บริการตามที่ท่านร้องขอได้ เพื่อประเมินความเหมาะสมของท่านต่อสินค้า และ/หรือ บริการ ฯลฯ)
  • บริษัทฯ ขอความยินยอมจากท่านเพื่อเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลให้แก่บุคคลอื่น และท่านได้ให้ความยินยอมในการดำเนินการนั้น

บริษัทฯ อาจต้องเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านตามวัตถุประสงค์ข้างต้นให้กับบุคคลอื่น ซึ่งรวมถึง แต่ไม่จำกัดเพียงบุคคลดังต่อไปนี้

  • บริษัทในเครือ ผู้รับเหมาช่วง พันธมิตรทางธุรกิจ นายหน้า หรือผู้ให้บริการใด ๆ ที่ทำงานให้กับบริษัทฯ หรือให้บริการแก่บริษัทฯ หรือบริษัทในเครือ ทั้งนี้รวมถึง พนักงาน ผู้รับเหมาช่วง ผู้ให้บริการ ผู้บังคับบัญชา และผู้ปฏิบัติงานของบุคคลดังกล่าว
  • บุคคลใด ๆ ที่ออกคำสั่ง หรือบริหารจัดการบัญชีของท่าน สินค้า หรือบริการในนามของท่าน เช่น ผู้รับมอบอำนาจ ทนายความ ฯลฯ
  • คนกลาง บุคคลผู้ติดต่อ และตัวแทนของท่าน
  • สถาบันทางการเงิน และผู้ให้บริการรับชำระเงิน
  • บุคคล หรือบริษัทใด ๆ ซึ่งเกี่ยวข้องกับการปรับโครงสร้างบริษัท การควบรวม หรือเข้าถือครองกิจการที่เกิดขึ้นหรืออาจเกิดขึ้น โดยรวมถึงการโอนสิทธิ หรือหน้าที่ใด ๆ ซึ่งบริษัทฯ มีอยู่ภายใต้สัญญาระหว่าง บริษัทฯ และท่าน
  • หน่วยงานที่บังคับใช้กฎหมาย รัฐบาล ศาล หน่วยงานระงับข้อพิพาท หน่วยงานกำกับดูแล ผู้ตรวจสอบบัญชี และบุคคลใด ๆ ซึ่งแต่งตั้ง หรือร้องขอให้ทำการตรวจสอบกิจกรรมการดำเนินงานของบริษัทฯ
  • บุคคลอื่นใดซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับข้อพิพาทใด ๆ ที่เกิดขึ้น
  • หน่วยงานป้องกันการทุจริตซึ่งใช้ข้อมูลดังกล่าวเพื่อสืบหา และป้องกันการทุจริต และอาชญากรรมทางการเงินอื่น ๆ และเพื่อยืนยันตัวตนของท่าน
  • บุคคลใด ๆ ที่บริษัทฯ ได้รับคำสั่งจากท่านให้เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้กับบุคคลดังกล่าว

การส่ง หรือโอนข้อมูลไปยังต่างประเทศ

ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านอาจถูกโอนไปยังต่างประเทศ และประมวลผลในต่างประเทศ

ในกรณีที่บริษัทฯ จะกระทำการดังกล่าว บริษัทฯ จะตรวจสอบให้มั่นใจได้ว่า ประเทศดังกล่าว มีมาตรการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลในระดับที่เหมาะสม และการส่ง หรือโอนข้อมูลดังกล่าวชอบด้วยกฎหมาย บริษัทฯ อาจต้องส่ง หรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อการปฏิบัติตามสัญญาที่ทำขึ้นระหว่างท่าน และบริษัทฯ เพื่อปฏิบัติตามข้อกำหนดทางกฎหมาย ปกป้องคุ้มครองประโยชน์สาธารณะ และ/หรือ เพื่อผลประโยชน์อันชอบธรรมของบริษัทฯ อย่างไรก็ตาม กฎหมายของบางประเทศอาจกำหนดให้บริษัทฯ ต้องเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลบางประเภท (เช่น เปิดเผยให้กับหน่วยงานจัดเก็บภาษี) ในกรณีเช่นว่านั้น บริษัทฯ จะเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลให้กับบุคคลที่มีสิทธิเห็น หรือเข้าถึงข้อมูลดังกล่าวเท่านั้น

4. การเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัทฯ จะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไว้ตราบเท่าที่จำเป็นเพื่อดำเนินการตามวัตถุประสงค์ที่ระบุไว้ในประกาศความเป็นส่วนตัวนี้ เพื่อให้บริษัทฯ สามารถปฏิบัติตามภาระผูกพันที่มีกับท่านได้อย่างต่อเนื่อง หากบริษัทฯ ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเก็บรักษาข้อมูลของท่านแล้ว บริษัทฯ จะทำลาย ลบ หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวบุคคลที่เป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล อย่างไรก็ตาม ในกรณีที่บริษัทฯ ไม่สามารถทำลาย ลบ หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวบุคคลที่เป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้ (เช่น กรณีที่ข้อมูลส่วนบุคคลถูกเก็บไว้อย่างถาวรในฐานข้อมูลสำรองของบริษัทฯ ฯลฯ) บริษัทฯ จะทำให้มั่นใจได้ว่าข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจะได้รับการคุ้มครองด้วยมาตราการรักษาความปลอดภัยที่เหมาะสม แยกออกจากการประมวลผลเพิ่มเติม และทำลาย ลบ ให้ข้อมูลส่วนบุคคลเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวบุคคลที่เป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้ทันทีที่บริษัทฯ สามารถทำเช่นนั้นได้

5. ความถูกต้องของข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน

บริษัทฯ ต้องการความร่วมมือจากท่านเพื่อให้มั่นใจได้ว่าข้อมูลส่วนบุคคลที่อยู่ในความครอบครองของบริษัทฯ มีความเป็นปัจจุบัน สมบูรณ์ และถูกต้อง โปรดแจ้งให้บริษัทฯ ทราบถึงกรณีที่ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านมีการเปลี่ยนแปลงใด ๆ ผ่านช่องทางการติดต่อของบริษัทฯ ตามที่ระบุไว้ในข้อ 9. ช่องทางการติดต่อบริษัทฯ

6. สิทธิที่ท่านมีต่อข้อมูลส่วนบุคคลของท่านได้แก่อะไรบ้าง และพ.ร.บ.ฯ คุ้มครองท่านอย่างไร สิทธิของท่าน

รายละเอียดของสิทธิที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านภายใต้ พ.ร.บ.ฯ มีดังต่อไปนี้

  • สิทธิในการเพิกถอนความยินยอม: ท่านมีสิทธิที่จะเพิกถอนความยินยอมที่จะให้บริษัทฯ ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านได้ตลอดเวลาโดยการติดต่อบริษัทฯ ผ่านช่องทางตามที่ระบุไว้ในข้อ 9. ช่องทางการติดต่อบริษัทฯ ทั้งนี้ บริษัทฯ อาจประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านต่อไปหากบริษัทฯ มีฐานทางกฎหมายอื่นในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
  • สิทธิในการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล: ท่านมีสิทธิในการขอรับสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน หรือขอให้บริษัทฯ เปิดเผยแหล่งที่มาของข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่บริษัทฯ ได้รับ
  • สิทธิในการแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคล: ท่านมีสิทธิขอแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลที่ไม่สมบูรณ์ หรือไม่ถูกต้องให้ถูกต้อง เป็นปัจจุบัน และสมบูรณ์ ทั้งนี้ โปรดอ่านรายละเอียดการขอแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลในข้อ 5. ความถูกต้องของข้อมูลส่วนบุคคล สำหรับข้อมูลเกี่ยวกับความถูกต้องของข้อมูลส่วนบุคคล
  • สิทธิในการลบข้อมูลส่วนบุคคล: ท่านมีสิทธิร้องขอให้บริษัทฯ ลบ ทำลาย หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไม่สามารถระบุตัวตนของท่านได้ในกรณีที่ไม่มีเหตุผลอันสมควรให้บริษัทฯ ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านต่อไป อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ จะพิจารณาคำขอของท่านอย่างระมัดระวังตามข้อกำหนดในกฎหมาย
  • สิทธิในการคัดค้านการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล: ท่านมีสิทธิคัดค้านการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเว้นแต่ในกรณีที่บริษัทฯ มีเหตุผลที่ถูกต้องตามกฎหมายในการปฎิเสธคำขอของท่าน
  • สิทธิในการห้ามมิให้มีการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล: ท่านมีสิทธิขอให้บริษัทฯ ระงับการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านชั่วคราว หรือถาวร เช่น เมื่อท่านต้องการให้บริษัทฯ แก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้ถูกต้อง หรือเมื่อท่านร้องขอให้บริษัทฯ พิสูจน์เหตุผล หรือฐานทางกฎหมายในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
  • สิทธิในการส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคล: ในบางกรณี ท่านสามารถขอรับสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่สามารถใช้งานโดยทั่วไปได้ในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ หรือร้องขอให้บริษัทฯ ส่ง หรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้แก่บุคคลที่สาม
  • สิทธิในการยื่นข้อร้องเรียน: ท่านมีสิทธิยื่นข้อร้องเรียนต่อหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง รวมไปถึง แต่ไม่จำกัดเพียง คณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลในกรณีที่ท่านเห็นว่า บริษัทฯ หรือพนักงานของบริษัทฯ หรือผู้ให้บริการฝ่าฝืน หรือไม่ปฏิบัติตามพ.ร.บ.ฯ หรือประกาศอื่น ๆ ที่ออกโดยอาศัยอำนาจของพ.ร.บ.ฯ

วิธีการใช้สิทธิของท่าน

ท่านอาจใช้สิทธิใด ๆ ของท่านได้ตลอดเวลาโดยการแจ้งบริษัทฯ ผ่านชองทางการติดต่อตามที่ระบุไว้ในข ข้อ 9. ช่องทางการติดต่อบริษัทฯ ด้านล่าง โดยไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียม อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ อาจคิดค่าธรรมเนียมตามสมควรหากคำขอของท่านไม่มีมูล ซ้ำซ้อน หรือมีมากเกินความจำเป็น และบริษัทฯ อาจปฏิเสธที่จะดำเนินการตามคำขอของท่านในสถานการณ์เหล่านั้น

กระบวนการของบริษัทฯ ตามคำขอของท่าน

เมื่อได้รับแจ้งจากท่าน บริษัทฯ อาจมีความจำเป็นต้องติดต่อท่านเพื่อกรอกแบบฟอร์มการขอใช้สิทธิ และเริ่มกระดำเนินการตามกระบวนการภายในของบริษัทฯ บริษัทฯ อาจขอข้อมูลบางประการจากท่านเพื่อใช้ในการยืนยันตัวตนของท่าน และรับรองสิทธิของท่านภายใต้พ.ร.บ.ฯ โดยเป็นมาตรการความปลอดภัยที่จะทำให้ท่านมั่นใจได้ว่าข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจะไม่ถูกเปิดเผยต่อบุคคลที่ไม่มีสิทธิเข้าถึงข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ บริษัทฯ อาจติดต่อท่านเพื่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับคำขอของท่าน เพื่อที่บริษัทฯ จะสามารถดำเนินการได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น

บริษัทฯ จะใช้ความพยายามในการดำเนินการเกี่ยวกับคำขอที่ชอบด้วยกฎหมายภายใน 30 วัน ในบางกรณี บริษัทฯ อาจใช้เวลามากกว่า 30 วันหากคำขอของท่านมีความซับซ้อน หรือท่านยื่นคำขอเข้ามาเป็นจำนวนมากกว่าหนึ่งคำขอ ในกรณีดังกล่าว บริษัทฯ จะแจ้งให้ท่านทราบ และจะทำการแจ้งสถานะของคำขอให้ท่านทราบ

การจัดการกับเรื่องร้องเรียน

ในกรณีที่ท่านต้องการร้องเรียนเกี่ยวกับวิธีการที่บริษัทฯ ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน กรุณาติดต่อบริษัทฯ ได้ผ่านชองทางการติดต่อตามที่ระบุไว้ในข ข้อ 9. ช่องทางการติดต่อบริษัทฯ ด้านล่าง และบริษัทฯ จะพิจารณาคำขอของท่านโดยเร็วที่สุด ทั้งนี้ การเรื่องร้องเรียนต่อบริษัทฯ นี้ไม่มีผลกระทบต่อสิทธิของท่านในการร้องเรียนต่อเจ้าหน้าที่รัฐ หรือคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

7. ความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน

ข้อมูลถือเป็นทรัพย์สินของบริษัทฯ ดังนั้น บริษัทฯ จึงให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเป็นอย่างยิ่ง บริษัทฯ จะตรวจสอบ และใช้มาตรการรักษาความปลอดภัยขององค์กรทั้งทางกายภาพและทางเทคนิคที่ทันสมัยอยู่เสมอเมื่อประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน บริษัทฯ ได้วางนโยบาย และมาตรการควบคุมภายในเพื่อให้ท่านมั่นใจว่าข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจะไม่สูญหาย ถูกทำลายโดยไม่ตั้งใจ ถูกนำไปใช้ในทางที่ผิด ถูกเปิดเผย และเข้าถึงโดยบุคคลทั่วไปที่ไม่ใช่พนักงานที่ปฏิบัติหน้าที่ของบริษัทฯ โดยพนักงานของบริษัทฯ นั้นได้รับการอบรม และฝึกฝนให้จัดการกับข้อมูลส่วนบุคคลอย่างปลอดภัยภายใต้นโยบายของบริษัทฯ หากพนักงานไม่ปฏิบัติตามที่ได้รับการอบรมฝึกฝนภายใต้นโยบายของบริษัทฯ ดังกล่าว พนักงานจะได้รับโทษทางวินัย

8. การแก้ไขประกาศความเป็นส่วนตัว

บริษัทฯ ตรวจสอบ และปรับปรุงประกาศความเป็นส่วนตัวอย่างสม่ำเสมอ ดังนั้น ประกาศความเป็นส่วนตัวนี้จึงอาจมีการแก้ไขเปลี่ยนแปลง โดยการแก้ไขเปลี่ยนแปลงครั้งล่าสุดนั้น สามารถดูได้จากวันที่ข้างต้นของประกาศความเป็นส่วนตัวฉบับนี้ และท่านสามารถเข้าถึงประกาศความเป็นส่วนตัวฉบับล่าสุดของบริษัทฯ ได้เสมอผ่านทาง https://www.hitachi-ch.com/th/th/utility/privacy/index.html

9. ช่องทางการติดต่อบริษัทฯ

ในกรณีที่ท่านมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน หรือต้องการใช้สิทธิใด ๆ โปรดติดต่อบริษัทฯ ผ่านชองทางการติดต่อดังต่อไปนี้

  • ติดต่อ ที่ บริษัทฮิตาชิ แชนแนล โซลูชั่นส์ (ประเทศไทย) จำกัด
  • สำนักงานใหญ่เลขที่ 952 อาคารรามาแลนด์ โซนซี ชั้น 18 ถนนพระรามสี่ แขวงสุริยวงศ์ เขตบางรัก กรุงเทพมหานคร 10500
  • อีเมล์ถึง dpo@hitachi-ch.co.th หรือ
  • หมายเลขโทรศัพท์ +66 2018 2255